ของขวัญปีใหม่

ของขวัญปีใหม๋,ของที่ระลึกปีใหม่

ผมเกิดวันที่ 8 เมษายน 2497  นับอายตามพศ. ได้ 65 ปี นับได้มากพอสมควร  โดยใช้เกณฑ์ของราชการกำหนด ให้  การเกษียณอายุราชการ จากเดิม 60 ปี เพิ่มเป็น 63 ปี

แปลโดยนัยหมายความว่า คนอายุประมาณนี่ ต้องทำงานโดยเฉลี่ยประมาณ 40 ปี เกณฑ์เฉลี่ยอายุขัยของคนไทย ประมาณ 75 ปี  พอจะสรุปได้ว่า  รัฐหรือสังคมสร้างเกณฑ์ปกติให้

ศึกษา เรียน จากโรงเรียน จากสังคม เป็นเวลา20ปี ทำงาน 40ปี ส่วนที่เหลือคือ 15 -20 ปีเป็นเวลาให้ได้พักผ่อน  นับดูเป็นสัดส่วนที่สมเหตุสมผลพอสมควร

ซึ่งนั่นหมายความว่า ปัจจุบันผมควรจะมีชีวิตอย่างสุขสบายจากการทุ่มเท แรงกายแรงใจเสียทั้งเหงื่อของความยากลำบากและน้ำตาของลูกผู้ชายที่ต้องคับแค้นใจกับความเชื่อว่าเกิดความไม่เป็นธรรมกับตัวเอง  ทำดีไม่ได้ผลดีตอบสนองกลับตามความเชื่อของศาสนาหรือจริยธรรมในสังคม

แต่ในความเป็นจริงผมยังทำงาน ครุ่นคิดบางครั้งก็เครียดเกลียดชังระงับอารมณ์สติกับการใช้ชีวิตในการทำงาน  เหตผลหลักคงเพราะต้องการผลักดันให้ลูกได้รับโอกาสได้มีความมั่่นคงของชีวิตมีเกียรติยศ ชื่อเสียง สรรเสริญ แบบยั่งยืน    ผมต้องก้มหน้าทำไป

ครั้นมาวันหนึ่งเมื่อ สองปีที่แล้วธรรมชาติได้สะกิดเตือนวิธีการดำเนินชีวิตให้ถูกต้องโดยเกิดโรคลมชักสาเหตุจากความเครียดในการทำงาน ต้องนอนโรงพยาบาลต้องนอนในรถโรงพยาบาลจากจังหวัดหนึ่งไปอีกจังหวัดหนึ่ง   อยู่ในสภาพคนไข้ที่ไม่สามารถพูดได้อยู่ในบรรยากาศของคนป่วยในช่วงก่อนสิ้นลมหายใจ อย่างอเน็จอนาถ

วันนี่ผมยังทำงานอยู้ โดยพยายามประนีประนอมกับธรรมชาติ ประนีประนอมกับความทะเยอทะยาน ความฟุ้งลิมตัว     ผมลดละเป้าหมายในการขายในการทำเงิน ยอมปล่อยวางจากความหงุดหงิดของลูกน้องพนักงานที่ไม่ทำงานจริงจังสมกับโอกาสที่ผมหยิบยื่นให้  ทรยศต่อคำพูดคำสัมภาษณ์ก่อนเข้าทำงาน

ผมเริ่มหยุดพักผ่อนในวันสุดสัปดาห์ มีความสุขกับการเดินป่า เที่ยวเขาไปต่างจังหวัดพบเห็นสิ่งต่างๆนอกเหนือจากออฟฟิสและคอนโด   ผมเริ่มมองถึงมิตรภาพจากแหล่งต่างๆที่ผมผ่าน จากการเป็นเพื่อนร่วมทาง จากร้านกาแฟ จากเจ้าหน้าที่

ผมหันเข้าศึกษาศาสนา พยายามหาแก่นแท้ พยายามคิดเหมือนนักปราขญ์บ้างว่าเราเกิดมาทำไม  และจะไปไหนต่อ ทำตัวเป็นประโยชน์ได้แค่ไหน

ผมเริ่มให้ความสนใจกับการออกกำลังกาย เพื่อรักษาสิ่งที่ผมอาศัยร่าง ผมหวังว่าจะมีโอกาสได้เห็นความสำเร็จของลูกอย่างงดงาม

ผมอาจได้เห็นได้เรียนรู้สิ่งต่างๆอีกมากมายที่ผมไม่เคยรู้ โชคดีที่ผมได้ประทานรางวัลอย่างหนึ่งมากับตัวตั้งแต่วัยเด็ก คือความเป็นคนใฝ่รู้ ผมสนใจอ่านหนังสือทุกชนิด ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ศิลป      ต่างๆเหล่านี่เปรียบดังอาหารทิพย์ที่ให้ความสุขยามเสพย์

ปีนี่ผมได้ข่าวเพื่อน คนที่ผมรู้จักหลายคนเสียชีวิต คนที่ใกล้ๆตัวต้องตายไปในเวลาก่อนวัยอันสมควร  สะกิดเตือนว่า คราวของเราก็ไม่รู้เมื่อไหร่   ปกติทุกปีจะมีคู่ค้านำกระเข้าหรือของขวัญมามอบให้  แต่ก็ยังไม่เคยให้ ของขวัญปีใหม่ ที่ถูกใจจริงๆสักครั้ง

ลองถามตัวเองว่าทำงานมา 40 ปี เคยให้อะไรหลายๆอย่างกับคนหลายๆคน ถ้าจะให้รางวัลตัวเองเป็น ของขวัญปีใหม่  ตัวเองอยากได้อะไร

ความที่ไม่เคย จะคิดถึงเรื่องการรับ ของขวัญ มาก่อน  ถามมีคนถามเฉพาะหน้าคงต้องทำหน้าปูเลี่ยน เพราะไม่สามารถตอบได้ทันที ว่าอยากได้ ของขวัญปีใหม่  เป็นอะไร แต่ตอนนี่เขียนบทความมาขนาดนี่พอจะเริ่มระลึกได้ว่า   อยากได้

 

1   คอมพิวเตอร์ดีมากๆ หนึ่งเครื่องเป็น โน๊ตบุ๊ค ความเร็ว และแรมเยอะ เบาบาง จอสัมผัส ดีไซน์ล้ำสมัย และคลาสสิค ไว้เพื่อเป็นแหล่งหาความรู้ หาข้อมูล

2    มีบ้านพัก เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ สามารถทำสวนปลูกผักเลี้ยงหมาเป็นเพื่อนยามแก่เฒ่า

ไว้เหม่อมองท้องฟ้า สูดอากาศเต็มปอด  ทำงานอดิเรกมากมายที่ตัวเองชอบเช่น วาดรูป เรียนภาษาต่างประเทศ

3  มีบ้านที่ อากาศดีไม่เคยร้อนเลยเช่น ที่เหมืองปิล๊อก สมมุติตัวเองเป็นชาวต่างประเทศที่แท้จริง คงจะดีมากๆเลย

4 ขอให้ผมมีสุขภาพช่วงสุดท้ายของชีวิตที่ดี ไม่ต้องทนกับความเจ็บปวดของโรคร้ายหรือความยากลำบากของให้จากไปอย่างสงบ มีความสุขกับรอยยิ้ม

สำหรับการทำงานมาชั่วชีวิต เชื่อว่ามีเจตนาดีกรรมดีมากกว่ากรรมชั่วมาก

คิดว่าการร้องขอ ของขวัญปีใหม่ เท่านี่คงไม่มากเกินไป  ขอสิ่งศักดิ์สิทธ์ ทั่วสากลโลกขอได้โปรดดลบันดาลสิ่งที่ผมขอให้ได้เป็นจริง

 

Scroll to Top