ดูแลผู้ป่วยอัลไซเมอร์ ให้ทั้งตนเองและผู้ป่วยมีความสุข

ดูแลผู้ป่วยอัลไซเมอร์ ให้ทั้งตนเองและผู้ป่วยมีความสุข

ดูแล เกษียณอายุราชการ

โรคอัลไซเมอร์ อาการที่เด่นชัดคือ ความบกพร่องในกระบวนการทางความคิด ความจำ หลงวัน เวลา สถานที่ และแม้กระทั่งลืมคนใกล้ชิดหรือผู้ดูแล ความสามารถทางสติปัญญาลดลง เรียนรู้ได้ช้าลง ในด้านการรับรู้ก็จะเปลี่ยนไป ความสนใจและสมาธิลดลง การโต้ตอบและความสามารถในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมก็ถดถอยลง

การสังเกตอย่างเอาใจใส่ และการเข้าใจการดำเนินโรคจะเป็นสิ่งที่จะช่วยประคับประคองให้ผู้ป่วยอยู่ได้อย่างมีความสุข และตัวผู้ดูแลเองก็จะไม่เกิดความวิตกกังวลและรู้สึกเหนื่อยมาก

เมื่อผู้ดูแลต้องดูแลผู้ป่วยไปนานๆ มักจะเกิดความอ่อนล้า เกิดความเครียด เบื่อหน่าย กังวล ซึมเศร้า และอาจรู้สึกผิดหวังที่ผู้ป่วยอาการไม่ดีขึ้น

ยอมรับผู้ป่วย และอาการของโรคของผู้ป่วยว่าโรคนี้รักษาไม่หาย การดูแลที่เหมาะสมจะทำให้ผลกระทบด้านต่างๆลดลงได้

ควรแก้ไขอารมณ์และพฤติกรรมที่เป็นปัญหามากที่สุดของผู้ป่วยก่อนเพราะจะช่วยทําให้การดูแลผู้ป่วยง่ายขึ้น
สิ่งใดก่อให้เกิดอารมณ์หรือความไม่พอใจแก่ผู้ป่วย ควรหาสาเหตุแก้ไขหรือหลีกเลี่ยง ช่วยลดความเครียดแก่ผู้ป่วย
ถ้าผู้ดูแลเข้าใจถึงจุดนี้ ก็จะไม่รู้สึกว่าตนเองดูแลผู้ป่วยได้ไม่ดีพอ ความเครียดก็จะไม่เกิดขึ้น

บางครั้งผู้ป่วยอาจแสดงอารมณ์ที่ทำให้ผู้ดูแลรู้สึกผิดหวัง ผู้ดูแลต้องเข้าใจว่าเป็นผลมาจากอาการของโรค ไม่ใช่ผู้ป่วยไม่พึงพอใจ โกรธ หรือตั้งใจจะต่อว่าผู้ดูแล เนื่องจากก่อนป่วยผู้ป่วยมิได้มีบุคลิกภาพเช่นนั้น

ให้ผู้ป่วยอัลไซเมอร์เข้าใจตนเอง
ควรอธิบายให้ผู้ป่วยทราบถึงสุขภาพที่เปลี่ยนไปของผู้ป่วยในขณะที่ยังสามารถรับรู้และเข้าใจได้ตั้งแต่อาการยังไม่รุนแรงนัก เพื่อให้ผู้ป่วยเตรียมพร้อมและยินดีให้ความร่วมมือในการดูแลตนเอง

ส่งเสริมให้ผู้ป่วยทํากิจกรรมร่วมกับครอบครัว พาออกไปเที่ยวนอกบ้านเป็นครั้งคราว หรือพาไปพบปะเพื่อนฝูงของผู้ป่วยจะช่วยให้ผู้ป่วยผ่อนคลาย ไม่รู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง หรือโดดเดี่ยว

ดูแลช่วยเหลือให้ผู้ป่วยได้ออกกำลังกายตามสมควร เพิ่มกำลังของมัดกล้ามเนื้อ ลดข้อติด

กรณีที่อาการป่วยยังไม่รุนแรง อาจชวนผู้ป่วยเล่นเกมต่างๆ เช่น เกมคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต คิดเลข หรือชวนสวดมนต์ไหว้พระด้วยกัน หลีกเลี่ยงการกระตุ้นหรือพยายามฝืนผู้ป่วยจนเกินไป เพราะจะทำผู้ป่วยเบื่อหน่ายและเกิดการต่อต้านได้

หลีกเลี่ยงคำพูดหรือพฤติกรรมใดๆ ที่ส่งผลกระทบทางอารมณ์กับผู้ป่วย อะไรที่ผู้ป่วยไม่ชอบ โกรธ เสียใจ ผิดหวังก็และเกิดความเครียด และเพิ่มการเก็บตัว ซึมเศร้าได้

 

ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

การรักษาผู้ป่วย อาจมีความจำเป็นที่ต้องใช้ยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท เช่น นอนไม่หลับ วิตกกังวล ซึมเศร้า ก้าวร้าว ผู้ดูแลต้องให้ผู้ป่วยรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอและสังเกตอาการหลังจากใช้ยา เพื่อแจ้งแก่แพทย์ได้อย่างถูกต้อง

หากผู้ป่วยมีอาการผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์ เช่น อาการนอนไม่หลับ วิตกกังวล หรือซึมเศร้ามากเกินไป พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง ก้าวร้าว หลงผิด หูแว่ว หรืออาการทางจิตอื่นๆ

การดูแลตนเองของผู้ดูแลผู้ป่วย
ผู้ดูแลผู้ป่วยควรจัดสรรเวลาพักผ่อนให้เพียงพอโดยเปลี่ยนให้ผู้อื่นดูแลผู้ป่วยแทนบ้าง เพราะการดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องนานๆ อาจทําให้เกิดความอ่อนล้า ความเครียด หงุดหงิด ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อทั้งผู้ดูแลและผู้ป่วยในระยะยาว

ผู้ดูแลผู้ป่วย ผู้สูงอายุ เกษียณอายุราชการ ควรมีเวลาทำกิจกรรมที่ตนเองชอบ เพื่อความผ่อนคลาย หากผู้ป่วยสามารถร่วมกิจกรรมต่างๆ ไปพร้อมกันได้ ก็จะเป็นการสร้างความสัมพันธ์และส่งผลดีต่อทั้งผู้ดูแลและผู้ป่วยไปพร้อมๆ กัน


พญ.สิรารัตน์ โมรรัต

ศูนย์ระบบประสาทสมองและไขสันหลัง

โรงพยาบาลพญาไท 2

ข้อมูลเพิ่มเติมที  www.pbpremium.com   www.pb-pac.com

Scroll to Top